���������� "ปีศาจแดง" คืนฟอร์มแกร่งได้ทันเวลาเบียดเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 จากผลงานของ ซานโช่-แรชฟอร์ด กดคนละตุงพาทีมเฮ ศึกแดงเดือด ในลีกรอบ 4 ปีเก็บ 3 แต้มแรกของซีซั่นส่ง "หงส์แดง" ยังไร้ชัยพ่ายแพ้รอบ 21 นัด ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
���������� ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2022-23 นัดที่ 3 คืนวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 เกม “แดงเดือด” แมนฯ ยูไนเต็ด ต้อนรับ ลิเวอร์พูล
���������� เอริก เทน ฮาก พาทีมออกสตาร์ตด้วยการแพ้ 2 นัดติดต่อกันต่อ ไบรท์ตัน 1-2 (เหย้า) และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด เละเทะ 0-4 จนหล่นมาเป็นอันดับสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก
���������� ทางด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ เยอรมัน ของ “หงส์แดง” พาทีมเก็บ 2 แต้มจาก 2 เกมด้วยการไปเสมอกับ ฟูแล่ม 2-2 ที่ ลอนดอน ก่อนจะเปิดรัง แอนฟิลด์ เสมอกับ คริสตัล พาเลซ ไป 1-1
���������� เปิดฉากครึ่งแรก 5 นาทีเป็น “ปีศาจแดง” ทำได้ดีกว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้โอกาสหลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายเสียดายจังหวะยิงช้าโดน เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ตามมาบล็อคช่วยไว้ได้ทัน
���������� นาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดโอกาสทอง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ แทงบอลขึ้นมาทางขวาให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ล้มตัวกวาดเข้าในมาถึง แอนโธนี่ย์ อีแลงก้า สอดมาล่อเป้า อลิสซอน เบ็คเกอร์ ปั่นด้วยขวาโค้งชนเสาสองเด้งออกมา
���������� ต่อมานาทีที่ 16 เจ้าถิ่น ทะยานออกนำ 1-0 จากบอลทำชิ่งทางฝั่งซ้าย แอนโธนี่ย์ อีแลงก้า หลุดเข้าเขตโทษหักข้อถวายพานเข้าในให้ เจดอน ซานโช่ ดึงหลอก เจมส์ มิลเนอร์ ก่อนตั้งเท้าแปด้วยขวาตุงตาข่ายงามหยด
���������� 20 นาทีผ่าน ลิเวอร์พูล พยายามตอบโต้ หลุยส์ ดิอาซ ลากมาทางซ้ายแหวกเข้าในฝากชิ่งให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ สอดมารับคืนได้ช่องปั่นด้วยขวาโค้งหนีบล็อคผ่าน ดาบิด เด เคอา หลุดเสาแรกได้เสียว
���������� นาทีที่ 25 “ปีศาจแดง” หวิดบวกสกอร์เพิ่มจากลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้าย คริสเตียน เอริกเซ่น ลักไก่หลอกยิงปั่นด้วยขวาโค้งมาเสาไกลหวิดเกือบเสียบสามเหลี่ยมติดปลายมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ นิดเดียว
���������� ท้ายครึ่งแรก “หงส์แดง” พลาดโอกาสทองจากลูกเตะมุมทางขวา เจมส์ มิลเนอร์ โถมมาโขกทางเสาไกลบอลไปเข้าทาง หวดสกัดผิดเหลี่ยมโชคดีไปติด ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนคุมเส้นช่วยไว้ได้เหลือเชื่อ
���������� หมดครึ่งเวลาแรก แมนฯ ยูไนเต็ด 1 ลิเวอร์พูล 0
���������� ครึ่งหลังนาทีที่ 50 ทีมเยือน ออกหมัดก่อนเป็นลูกเตะมุมทางขวา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นบอลโค้งออกมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดีดไซค์ก้อยตามน้ำด้วยซ้ายปลิ้นข้ามคานออกไปไกล
3 นาทีต่อมา “ปีศาจแดง” ขยับหนีเป็น 2-0 จนได้เป็น อองโตนี่ มาร์กซิยาล ขยับไปฉกบอลจากกลางสนามก่อนแทงออกซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเดี่ยวลากขึ้นมาเลือกอัดด้วยขวายัดเสาแรกตุงตาข่าย
���������� จากจังหวะนี้ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ รอเช็ค วีเออาร์ เนื่องจากจังหวะหลุดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก่ำกึ่งเหมือนจะล้ำหน้าสุดท้ายต้องตีเส้น ก่อนตัดสิน เป่ายืนยันให้เป็นสกอร์ของ เจ้าถิ่น
���������� เกมผ่าน 60 นาทียังคงเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด คึกคักกว่า ราฟาเอล วาร์ราน เติมขึ้นมาเก็บบอลหน้ากรอบ 6 หลาพิงแนวรับ ลิเวอร์พูล ก่อนไหลตั้งให้ ปั่นด้วยขวากระดอนพื้นหวิดเสียบเสาไกลติดเซฟ อลิสซอน เบ็คเกอร์
���������� 10 นาทีสุดท้าย เจ้าถิ่น หวิดปิดกล่องเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ลีลาหนีผู้เล่น ลิเวอร์พูล 3 คนแหวกขึ้นมาทางซ้ายได้ช่องก้มหน้าตะบันด้วยขวาผ่าน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ปลิ้นข้ามคานนิดเดียว
���������� เจ้าถิ่น เริ่มสมาธิหลุดคราวนี้เป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ พยายามโฉบสกัดตัดหน้า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ในกรอบ 6 หลาแต่โดนไม่ดีเปลี่ยนทางหวิดเข้าประตูตัวเองต้องชม ดาบิด เด เคอา ไม่เหม่อควักทิ้งได้ทัน
���������� นาทีที่ 81 “หงส์แดง” ตีไข่แตกไล่มา 2-1 จากจังหวะในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เก็บตกในเขตโทษหมุนตัวตวัดด้วยขวาติดเซฟ ดาบิด เด เคอา ปัดมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สอดมาโขกเบียดโคนเสาแรกเข้าไป
���������� หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด 2 ลิเวอร์พูล 1
���������� รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
���������� แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (อารอน วาน-บิสซาก้า น.86), ราฟาเอล วาร์ราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ไตเรลล์ มาลาเซีย – สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, คริสเตียน เอริกเซ่น (ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค น.86) – แอนโธนี่ย์ อีแลงก้า (อองโตนี่ มาร์กซิยาล น.46), บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่ (เฟร็ด น.71) – มาร์คัส แรชฟอร์ด (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น.86)
���������� เทรนเนอร์ : เอริก เทน ฮาก
���������� ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิคาส น.85) – ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, เจมส์ มิลเนอร์ (ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ น.73), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ฟาบินโญ่ น.59) – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, หลุยส์ ดิอาซ
���������� เทรนเนอร์ : เจอร์เก้น คล็อปป์
���������� ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์