เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังลิเวอร์พูลได้อธิบายว่าเหตุใดเขาจึงไม่สนุกกับการเป็นโค้ช และตัดสินใจหันไปเป็นกูรูฟุตบอลแทน หลังได้เริ่มต้นสัมผัสงานทั้งสองอย่างในช่วงที่กำลังเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อปลายทางการค้าแข้ง
โค้ชวัย 47 ปีได้พูดคุยในงาน Overlap Fan Debate ถึงสาเหตุที่เขาไม่เดินตามรอยอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด , เคร้ก เบลลามี , เดิร์ค เค้าท์, ชาบี อลอนโซ, ดาเนียล แอ็กเกอร์และคนอื่นๆ อีกหลายคนในการเป็นโค้ช แต่กลับตัดสินใจหันไปเป็นกูรูลูกหนังแทน
"เมื่อผมไปถึงจุดสิ้นสุดของอาชีพการงาน ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจาก สโคลซี (พอล สโคลส์ ของแมนฯ ยูไนเต็ด) และผมก็กำลังคิดว่า 'ฉันอยากทำอะไร' ดังนั้นผมจึงเริ่มเข้ารับการอบรมโค้ช และในช่วงซัมเมอร์เดียวกันนั้น ผมได้ไปมีส่วนร่วมกับแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 (ในบทบาทกูรู)"
ขณะนั้นผมยังเล่นฟุตบอลอยู่ด้วย ดังนั้นผมจึงอยากลองเล่นทั้งสองแบบเพื่อดูว่าผมชอบแบบไหน ผมไม่ค่อยสนุกกับการอบรมและทำหน้าที่โค้ชเท่าไหร่ แต่ผมชอบช่วงซัมเมอร์ที่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนและพูดคุยเรื่องฟุตบอล
"ผมอยู่กับรอย (คีน) มีกูรูที่เชี่ยวชาญอยู่ 3 คน แต่พวกเรามีกัน 4 คน และเราแบ่งบทบาทกัน แกเร็ธ เซาธ์เกต, รอย คีน, ผม และโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ - ผมสนุกกับมัน (งานกูรู) ผมลองสัมผัสมันทั้งสองอย่าง (ทั้งกูรูและโค้ช) และลงเอยด้วยการเป็นกูรูฟุตบอล"
"แต่ผมทำกับผู้เล่นที่เพิ่งออกมาจากการแข่งขัน คุณมักจะต้องการผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ซึ่งได้เล่นในเกมใหญ่ๆ แต่พวกเขาก็ต้องการเล่นเกมที่ดีที่สุดเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติ"
"ผมไม่คิดว่าผู้เล่นที่ดีที่สุดจะต้องอยู่ที่นอริชในคืนวันศุกร์เนื่องจากต้องเดินทาง ฉันกับแกรี่เล่นซอร์บบอลและฟาดกัน"
คาร์ราเกอร์ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักวิจารณ์ โดยทำงานให้กับสถานีดังของประเทศอย่าง สกาย สปอร์ตส์, ไอทีวี และ ซีบีเอส สปอร์ตส์ เป็นเวลาหลายปี อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการทำงานในวงการสื่อฟุตบอลต้องปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของแฟนๆ อยู่เสมอ
"อนาคตของกูรูอาจเป็นการตกลงกันแค่ 10 เกม หากคุณสังเกตจะเห็นว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่ต้องการที่จะใส่ตัวเองไว้ในข้อตกลงนั้น"
"ตอนที่ผมเข้าไปที่ สกาย สปอร์ตส์ คุณไม่ได้อยู่กับ สกาย เลย แต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่าผู้คนกำลังอยู่ที่ สกาย, บีบีซี หรืออะไรสักอย่าง"
"สกาย และบริษัทอื่นๆ เกือบจะต้องยอมรับความจริงและยอมรับว่าผู้คนไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน ผมคิดว่านั่นคืออนาคตที่บริษัทกำลังมุ่งไป"